khonkaenlink.com.khonkaenlink.com

การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ แบ่งกว้าง ๆ เป็น 2 ระยะ คือ
1. สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้แก่
ช่วง ที่ 1 การปกครองสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงต้นรัชกาล ที่ 5 (ก่อนการปฏิรูปการ ปกครอง พ.ศ. 2435)
ช่วงที่ 2 การปกครองสมัยรัชกาลที่ 5 (หลัง จากการปฏิรูปด้านการปกครอง) ถึงสมัยเปลี่ยนแปลงการ ปกครองในรัชกาลที่ 7
2. สมัย ประชาธิปไตย นับช่วงระยะเวลาตั้งแต่มีการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจุบัน

หากศึกษาในแง่ของการพัฒนาบ้านเมือง และการรับวัฒนธรรมทางตะวันตกมาผสมผสานในการบริหารประเทศ ชาติแล้ว สามารถศึกษาได้ ดัง นี้
(1) การเมือง การปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

สมัย รัตนโกสินทร์ ตอนต้น คือ ช่วง เวลา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงของการฟื้นฟูบูรณะบ้านเมืองให้กลับสู่สภาพ เดิม เหมือนสมัยอยุธยาก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ซึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้มีการจัดการปกครองตามแบบ สมัย อยุธยาตอนปลาย ดังนี้
1. การ ปกครองส่วนกลาง (ราชธานี) บริหารราชการ แผ่น ดินแบบจตุสดมภ์ มี 4 ตำแหน่ง ดังนี้
- กรม เวียง (นครบาล) ปกครองดูแล ประชาชนในเขตเมืองที่ตนรับผิดชอบ ปราบปรามโจร ผู้ร้าย รักษาความสงบในเขต พระนคร
- กรมวัง (ธรรมาธิกรณ์) ดูแลความเรียบร้อยและกิจการเกี่ยว กับพระราชสำนัก พิจารณาคดีต่าง ๆ ที่มีฎีกาขึ้นสู่องค์พระมหากษัตริย์
- กรมคลัง (โก ษาธิบดี) ดูแลรายได้ส่วนพระราชาทรัพย์และรายได้ แผ่นดิน เช่น เก็บส่วย ภาษี อากร ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
- กรมนา (เกษตราธิการ) จัดทำนาหลวง ดูแลการทำไร่นาของราษฎร จัด เก็บภาษีเป็นข้าว เรียกว่า เก็บหางข้าวไว้ใช้ในยามศึกสงคราม
การบริหารราชการแผ่นดินนอกจากมีจตุสดมภ์แล้ว ยังมีอัครมหาเสนาบดี 2 ตำแหน่ง คือ สมุหพระกลาโหม และสมุหนายก เป็นการแบ่งข้าราชการเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน

2. การปกครอง ส่วนภูมิภาค (หัวเมืองภายในพระราชอาณาจักร) มีการแบ่งการ ปกครองหัว เมืองออกเป็ 3 ส่วน เหมือน สมัยอยุธยา
- หัวเมือง ชสั้นใน เมืองที่อยู่รายรอบ ราชธานี จัดเป็นเมืองจัตวา มีหัวหน้าปกครอง เรียกว่าผู้รั้งเมือง หรือจ่าเมือง
- หัวเมือง ชั้นนอก เมือง พระยามหานคร ได้แก่ เมือง ซึ่งอยู่ห่างจากราชธานีออกไป คือ หัวเมืองชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตรี ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ เมืองหลวง พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์ หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปเป็นเจ้าเมืองปกครอง
- หัวเมืองประเทศราช เป็นเมืองชายแดนของต่างชาติ ต่างภาษามี ฐานะเป็นเมืองประเทศราช เช่น ญวน เขมร เวียงจันทน์ หลวงพระบาง เป็นต้น สำหรับเจ้าเมืองนั้นได้รับการแต่งตั้งจากเมืองหลวงเรียกว่า เจ้าประเทศราช ซึ่งอาจแต่งตั้ง ไปจากเมืองหลวงหรือเชื้อพระวงศ์ในหัวเมืองนั้น ๆ เอง โดยให้สิทธิในการจัดการปกครองภายในแก่เจ้าประเทศราช ยกเว้นหากเกิดความไม่สงบภายในทางเมืองหลวงอาจเข้าแทรกได้

(2) ยุคปรับปรุง ประเทศตามแบบตะวันตก (พ.ศ. 2394 - 2475) จนถึงสมัยพระ บาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เป็นช่วงระยะเวลาของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และปฏิรูปบ้านเมือง ให้พ้นจากเป็น อาณานิคมของตะวันตกที่กำลังขยายอำนาจ และอิทธิพล เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เนื่องด้วยพระ มหากษัตริย์ไทย ทรงมีพระปรีชาสามารถ จึงสามารถดำรงเอกราชของประเทศไทยไว้ได้ ซึ่ง เป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คงเอกราชไว้ได้ ซึ่งภารกิจในยุคปรับปรุงประเทศของพระมหากษัตริย์ไทย มีตัวอย่างที่ควรทราบ ดังนี้
1. สมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)
พระองค์ยังคงทรงปกครองตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และคงรูปแบบการ บริหารประเทศเหมือนเดิม แต่พระองค์ได้พยายามพัฒนา ประเทศให้ทัดเทียมอารยประเทศ โดยเปิดสัมพันธไมตรี ยอมรับวัฒนธรรมตะวันตก อีกทั้งทรงเปลี่ยนแปลงหรือ ยกเลิกประเพณีบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องวัฒนธรรม ตะวันตกที่แพร่เข้ามาในประเทศ เช่น
1.1 ยกเลิกประเพณีการหมอบคลานขณะเข้าเฝ้า และการไม่สวมเสื้อขณะเข้าเฝ้า
1.2 ยกเลิกธรรมเนียมไทยแต่โบราณ ที่ห้ามราษฎรแสดงตัวหรือแอบมองในเวลาเสด็จออกนอกพระราชวัง
1.3 โปรดให้ราษฎรหญิงชายเข้าเฝ้า อย่างใกล้ชิดและยื่นฎีกาเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ได้
1.4 ให้ราษฎรไทยมีสิทธิเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้
1.5 นำชาวต่างชาติมาสอนหนังสือให้แก่ พระราชโอรส พระราชธิดา ข้า ราชการ เพื่อให้มีความรู้วิทยาการต่าง ๆ เท่าทันประเทศตะวันตก

2. สมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5)
พระองค์ได้เสด็จประพาสประเทศต่าง ๆในทวีปเอเชียและยุโรป ได้เห็นความเจริญของประเทศต่าง ๆ ซึ่ง ได้นำมาปฏิรูปการปกครอง และการบริหารทุกด้าน ตั้งแต่การปกครอง การศึกษา กฎหมาย การศาล การสาธารณสุข การคมนาคม เป็นต้น งานที่สำคัญาในลำดับที่พระองค์ เริ่มปฏิรูปก่อนงานอื่น ๆ คือ งานด้านบริหาร และงานด้านนิติบัญญัติ โดยได้ ทรงดำเนินการ ดังนี้
2.1 การ ปกครองส่วนกลาง
(1) จัดตั้งสภาที่ปรึกษาเพื่อ ช่วยในการบริหารราชการแผ่นดิน คือ สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และสภาที่ ปรึกษาส่วนพระองค์
(2) ทรง ประกาศเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ เปลี่ยน การบริหารมาเป็นกระทรงต่าง ๆเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2435 โดยจัดแบ่งอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวงอย่างชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อนกัน
ปัจจุบัน ประเทศไทยแบ่งการปกครองส่วนกลางออกเป็น 19 กระทรวง
1. กลาโหม 2. การคลัง 3. คมนาคม
4. ต่างประเทศ 5. พาณิชย์ 6. มหาดไทย
7. ศึกษาธิการ 8. สาธารณ สุข 9. อุตสาหกรรม
10. ยุติธรรม 11. วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
12. เกษตรและสหกรณ์ 13. แรงงานและสวัสดิการสังคม 14. การท่อง เที่ยวและกีฬา
15. ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 16. วัฒนธรรม
17. เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร 18. พลังงาน
19. การพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์
2.2 การปกครองส่วนภูมิภาค
มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบหัวเมืองมาเป็นแบบเทศาภิบาล โดยรวมหัวเมืองหลายเมืองเข้ามาเป็นมณฑล แต่ ละมณฑลมีสมุหเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง ซึ่งขึ้นตรง ต่อกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้แต่ละเมืองยังแบ่งเขตการ ปกครองเป็นอำเภอ ตำบล หมู่ บ้าน
2.3 การปกครองส่วนท้องถิ่น
พระองค์ ได้ทรงส่งเสริมและทดลองให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยทรงริเริ่มจัดการสุขาภิบาลในเขตกรุงเทพ ฯ และตำบลท่าฉลอม เมืองสมุทรสาคร โดยทรงริเริ่มให้ราษฎรเลือกผู้ใหญ่บ้านเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2435 แล้วให้ผู้ใหญ่บ้านเลือกกำนัน โดยเริ่มที่อำเภอบางปะอิน เมืองพระ นครศรีอยุธยา
จะเห็น ได้ว่า การปฏิรูปการปกครองนี้ เป็นการรวมอำนาจการปกครองมาไว้ที่ส่วนกลางอย่างมีระบบ ทำให้พระมหากษัตริย์ไทยมีอำนาจการปกครองประเทศอย่างมาก
การปกครองส่วนท้องถิ่นไทยในปัจจุบัน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น ซึ่งประชาชนมีสิทธิเลือกผู้ บริหารได้โดยตรง นับเป็นประชาธิปไตยในระดับท้อง ถิ่นที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก

3. สมัยพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6)
พระองค์ทรงโปรดให้รวมมณฑลหลาย ๆ มณฑลเข้าเป็นแต่ละภาคมีอุปราชปกครอง ตำแหน่งอุปราช และสมุหเทศาภิบาลขึ้นตรงต่อพระองค์ ส่วนกรุงเทพ ฯ นั้น มีฐานะเหมือนกับมณฑลหนึ่ง โดยมีสมุหพระนครบาลปกครองขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย พระองค์โปรด ฯ ให้เรียกชื่อ "จังหวัด" แทนคำว่า "เมือง" และทรงขยายมณฑลเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ พระองค์โปรด ฯ ให้จัดตั้ง "ดุสิตธานี" ขึ้นในบริเวณเขตพระราชวังดุสิต เพื่อ ทดลองสร้างเมืองจำลองการปกครองแบบประชาธิปไตย

4. สมัยพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7)
พระองค์ ทรงมีพระดำริพระ ราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชน แต่ ได้มีกลุ่มผู้มี ความคิดก้าวหน้าในนามของ "คณะราษฎร" ซึ่งมีพระยา พหลพยุหเสนา เป็นผู้ได้ ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการ ปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
รัชกาลที่ 7 ได้ พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นอันสิ้นสุดของ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิ ราชย์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

About

khonkaenlink.com.khonkaenlink.com.khonkaenlink.com.khonkaenlink.com